ถ้าได้ยินคำว่า MMA หลายคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงกีฬาก็คงขมวดคิ้วกันบ้าง ก่อนตั้งคำถามว่า MMA คือกีฬาชนิดใดกัน? แต่ถ้าหากได้ยินคำว่า “ศิลปะการต่อสู้แบบผสม” ก็คงพอจะนึกออกหรือจินตนาการเอาเองได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่จับเอาลักษณะการต่อสู้ของศิลปะป้องกันตัวหลายชนิดมาต่อสู้กันเพื่อหาผู้ชนะ
MMA ที่ย่อมาจาก Mixed Martial Arts นั่นก็คือ ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เป็นกีฬาการต่อสู้แบบเต็มรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับนักกีฬาที่ต้องได้รับการฝึกฝนในศิลปะการต่อสู้ประเภทต่าง ๆ มากกว่าสองหรือสามอย่างขึ้นไป ซึ่งศิลปะการต่อสู้แบบ MMA นั้น มีทั้งการต่อสู่ในท่านอนและท่ายืน ดังนั้นการศึกษาและฝึกฝนร่างกายเกี่ยวกับเทคนิคที่โดดเด่น ของศิลปะการต่อสู้แต่ละประเภทจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น มวยไทย, ยูโด, คาราเต้ เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทย MMA อาจยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าในต่างประเทศ ซึ่งศิลปะการต่อสู้แบบผสมนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา อาจเพราะการจัดการแข่งขันส่วนใหญ่นั้น ไม่มีกฎกติกาบังคับมากเท่าที่ควร จึงอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย
ต้นกำเนิดของ MMA
มีการสันนิษฐานว่าศิลปะการต่อสู้แบบผสมนั้น น่าจะมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน ซึ่งอ้างอิงมาจากการต่อสู้โบราณในกีฬาโอลิมปิก นักประวัติศาสตร์หลายคน ได้ยอมรับว่าลักษณะการต่อสู้แบบผสมของกรีกโบราณ มีความคล้ายคลึงกับศิลปะการต่อสู้แบบผสมที่ปรากฏในยุคปัจจุบัน แต่อาจแตกต่างกันตรงที่การต่อสู้ในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นกีฬาอันตราย จึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎกติกาอย่างเคร่งครัด
บิดาแห่งศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน
หากว่ากันตามความจริงแล้ว แนวคิดของศิลปะการต่อสู้แบบผสมนั้นไม่ได้เป็นแนวคิดที่ใหม่สำหรับคนที่ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบัน เพราะเมื่อย้อนไปในยุคของนักแสดงชื่อดังอย่าง “บรูซลี” ก็จะพบว่าเขาคือหนึ่งในนักแสดงที่มีความสามารถเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก และเป็นคนแรกที่ได้นำศิลปะการต่อสู้แขนงต่าง ๆ มาผสมกัน จนกลายเป็นศิลปะป้องกันตัวที่เรียกว่า “เจี๋ยฉวนเต้า” (Jeet Kune Do) ที่เน้นพื้นฐานของการเตะ ต่อย เป็นหลัก โดยมีแนวคิดในการนำเอาลักษณะการต่อสู้ที่มีประโยชน์จากการต่อสู้แขนงต่าง ๆ มาใช้ และสิ่งไหนที่ได้ช่วยในการต่อสู้ก็ตัดทิ้งไป ซึ่งลีนั้นมีความคิดว่า นักสู้ที่ดีที่สุดก็คือคนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใดก็ได้ โดยไร้รูปแบบตายตัว ด้วยการนำสไตล์การต่อสู้ของตัวเองมาปรับใช้และไม่ต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด ด้วยการแสดงศิลปะการต่อสู้แบบผสมออกมาอย่างชาญฉลาดของเขานี่เอง จึงทำให้เขาถูกขนานนามให้เป็น “บิดาแห่งศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน”
แม้ว่าศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานจะถูกมองว่าเป็นกีฬาอันตราย แต่ในปัจจุบันก็เริ่มได้รับความนิยมจากคนที่สนใจทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ ซึ่งในประเทศไทยก็เริ่มมีการเปิดสอนการต่อสู้แบบผสมนี้เช่นเดียวกัน ทำให้การศึกษาในศิลปะการป้องกันตัวแขนงนี้เข้าถึงคนไทยได้ง่ายขึ้นบ้างแล้ว